ตารางแสดงการเปรียบเทียบเลขฐานสิบ ฐานสอง ฐานแปด ฐานสิบหก
เลขฐานสิบ
|
เลขฐานสอง
|
เลขฐานแปด
|
เลขฐานสิบหก
|
0
|
0
|
0
|
0
|
1
|
1
|
1
|
1
|
2
|
10
|
2
|
2
|
3
|
11
|
3
|
3
|
4
|
100
|
4
|
4
|
5
|
101
|
5
|
5
|
6
|
110
|
6
|
6
|
7
|
111
|
7
|
7
|
8
|
1000
|
10
|
8
|
9
|
1001
|
11
|
9
|
10
|
1010
|
12
|
A
|
11
|
1011
|
13
|
B
|
12
|
1100
|
14
|
C
|
13
|
1101
|
15
|
D
|
14
|
1110
|
6
|
E
|
15
|
1111
|
17
|
F
|
16
|
10000
|
20
|
10
|
17
|
10001
|
21
|
11
|
.
.
.
|
.
.
.
|
.
.
.
|
.
.
.
|
30
|
11110
|
36
|
1E
|
31
|
11111
|
37
|
1F
|
ข้อสังเกต 1. เลขฐานใด ๆ จะมีตัวเลขน้อยกว่าฐานนั้น ๆ อยู่ 1 เสมอการแทนลักษณะข้อมูลในคอมพิวเตอร์
การแปลงเลขฐานในระบบคอมพิวเตอร์
ตัวเลขที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน มีส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ สัญลักษณ์ และมูลค่า
ในการเขียนจำนวนเลขจะต้องมีเลขฐานกำกับไว้ทุกครั้ง ไม่เช่นนั้นอาจเข้าใจผิดกันได้
เช่น จำนวน 123 อาจเป็นได้ทั้งเลขฐาน 5,8,10,16 ก็ได้ถ้าราไม่เขียนฐานกำกับไว้ชัดเจน จะยกเว้นจำนวนเลขที่ไม่ต้องเขียนฐานกำกับไว้ก็ได้
เฉพาะเลขฐานสิบเท่านั้น เพราะเราคุ้นเคยกันจึงยกเว้นให้ ส่วนเลขฐานอื่น ๆ
จะต้องเขียนเลขกำกับไว้ทุกครั้ง
3.1.1 การแปลงเลขจำนวนเต็ม
วิธีการแปลงที่ 1 โดยการลบ
1. เอา 2n โดยให้มีค่าใกล้เคียงหรือเท่ากับเลขฐานสิบที่ต้องการจะแปลงโดยค่ายกกำลังลดลงทีละ 1
2. เอาค่าที่ยกกำลังที่ได้จากขั้นที่ 1 มาลบออกจากเลขฐานสิบนั้นถ้าลบได้ใส่ 1 ถ้าลบไม่ได้ใส่ 0 เริ่มจาก ซ้ายมือ
3. ทำไปเรื่อยๆ จนหมด
แล้วนำเลขที่ลบได้หรือไม่ได้มาวางเรียงโดยเริ่มจากซ้ายมือ
ตัวอย่าง 3.1 แปลงเลขฐานสิบ 29 ไปเป็นเลขฐานสอง
วิธีการแปลงที่ 1 โดยการหาร
1. เอาเลขฐานสิบที่ต้องการแปลงตั้งหารด้วยสอง
2. สนใจเศษ ถ้าหารลงตัว ให้เศษเป็น 0 ถ้าหารไม่ลงตัว
ให้เศษเป็น 1
3. หารไปเรื่อยๆ จนกว่าตัวตั้งจะมีค่าน้อยกว่าตัวหาร
4. การตอบ จะเรียงข้อมูลจากล่างขึ้นบน โดยตัวบนจะเป็นหลักหน่วยเสมอ
ตัวถัดไปจะนำมาจัดเรียงเป็นหลักสิบ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ตัวอย่าง 3.2 แปลงเลขฐานสิบ 29 ไปเป็นเลขฐานสอง
3.1.2 การแปลงเลขทศนิยมฐานสิบเป็นเลขฐานสอง
กรณีเลขฐานสิบเป็นทศนิยม เราก็สามารถทำได้โดยการคูณเลขทศนิยมด้วย 2 ทุกๆ ครั้งที่คูณ
ส่วนที่เป็นจำนวนเต็มในผลคูณ เราจะนำมาเป็นค่าของเลขฐานสอง แล้วนำค่าที่เป็นทศนิยมมาคูณด้วยสองอีก
ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะไม่มีค่าหลังสุด
แต่กรณีเป็นเลขทศนิยมไม่รู้จบก็จะตัดเอาตามจำนวนที่ต้องการ
วิธีการแปลงทศนิยมเลขฐานสิบเป็นฐานสอง
1. เขียนตัวเลขที่จะแปลง
2.นำตัวเลขนั้นมาคูณกับ 2 ผลลัพธ์ที่ได้ ให้สนใจเฉพาะเลขจำนวนเต็ม ซึ่งอาจจะเป็น 0 หรือ 1 ก็ได้ ส่วนชุดตัวเลขหลังจุดทศนิยมทางขวามือ ให้นำมาเริ่มทำเหมือน ข้อ 2 ใหม่
3. ให้ดำเนินการไปเรื่อยๆ จนกว่าเลขทศนิยมจะเป็น 0 เป็นตัวเลขวนซ้ำ หรือเป็นทศนิยมไม่รู้จบให้หยุดทำงาน
ข้อสังเกต
1. เลขฐานสิบ ที่ต้องการแปลงเป็นฐานสอง จะนำมาคูณ หรือ หารกับ เลข 2 เท้านั้น เนื่องจาก แปลงจากฐานสิบ ไปเป็น ฐานสอง
2. วิธีการตอบ กรณีเป็นจำนวนเต็ม จะเขียนคำตอบจากล่างขึ้นบน
กรณีเป็นทศนิยม จะเขียนคำตอบจากบนลงล่าง
3.2 การแปลงเลขฐานสิบเป็นฐานแปด
วิธีการทำใช้หลักการเดียวกับการแปลงเลขฐานสิบเป็นฐานสอง
ให้คูณหรือหารด้วยเลขฐาน โดยมี 2 กรณี
1.2.1 การแปลงเลขจำนวนเต็ม ต้องหารด้วยฐาน คือ 8
ตัวอย่าง 3.4 จงแปลง 356 ฐานสิบ เป็นเลขฐานแปด
8) 356
=
8 x 44 = 352 นำ 356 – 352 จะได้เศษ = 4
8) 44
=
8 x 5 = 40 นำ 44 – 40 จะได้เศษ = 4
5 ตอบได้เพราะตัวตั้ง (5) มีค่าน้อยกว่าตัวหาร (8)
ดังนั้น (356)10
= (544)8
1.2.2 การแปลงทศนิยม
ต้องคูณด้วยฐาน คือ 8
ตัวอย่าง 3.5 จงแปลง 0.72 ฐานสิบ เป็นเลขฐานแปด
.72 x 8 =
5.76 เหลือ .76 ใส่ 5
.76 x 8 = 6.08 เหลือ .08 ใส่ 6
.08 x 8 = 0.64 เหลือ .64 ใส่ 0
.64 x 8 = 5.12 เหลือ .12 ใส่ 5
.12 x 8 = 0.96 เหลือ .96 ใส่ 0
.96 x 8 = 7.68 เหลือ .68 ใส่ 7
.68 x 8 = 5.44 เหลือ .44 ใส่ 5
.44 x 8 = 3.52 เหลือ .52 ใส่ 3
ตอบ (0.72)10 = (0.56050753)2
(0.72)10 = (0.56)2
3.3
การแปลงเลขฐานสิบเป็นฐานสิบหก
วิธีการทำใช้หลักการเดียวกับการแปลงเลขฐานสิบเป็นฐานแปด
ให้คูณหรือหารด้วยเลขฐาน โดยมี 2 กรณี
1.2.1 การแปลงเลขจำนวนเต็ม ต้องหารด้วยฐาน คือ 16
ตัวอย่าง 3.6 จงแปลง 2531 ฐานสิบ เป็นเลขฐานสิบหก
16) 2531
=
16 x 157 = 2528 นำ 2531
– 2528 จะได้เศษ = 3
16) 158
=
16 x 9 = 144 นำ 158 – 144 จะได้เศษ =
14 --> E
9 ตอบได้เพราะตัวตั้ง (9) มีค่าน้อยกว่าตัวหาร (16)
ดังนั้น (2531)10
= (9E3)16
1.2.2 การแปลงทศนิยม ต้องคูณด้วยฐาน คือ16
ตัวอย่าง 3.7 จงแปลง 0.85 ฐานสิบ เป็นเลขฐานสิบหก
.85 x 16 = 13 .60 เหลือ .60 ใส่ 13
.60 x 16 = 9 .60 เหลือ .60 ใส่ 9
ดังนั้นจะได้ = . 13 9
= . D9 ( 13 = D ในเลขฐานสิบหก)
ตอบ (0.85)10 = (0.D9)16
ข้อสังเกต เลขฐานสิบหก จะใส่สัญลักษณ์ที่เป็นภาษาอังกฤษ
แทนตัวเลขตั้งแต่ 10 ถึง 15
เช่น จากตัวอย่างที่ 3.7 ใส่ E แทน 14 เวลาตอบ
ต้องตอบเป็น 5E16
(ห้าอีฐานสิบหก)
ไม่ใช่ตอบ 51416 (ห้าสิบสี่ฐานสิบหก)
3.4 การแปลงเลขฐานสองเป็นฐานสิบ
3.4.1 การแปลงเลขจำนวนเต็ม
เราสามารถทำการแปลงจากเลขฐานสอง ไปเป็นเลขฐานอื่นๆ ที่เราถนัดก่อน เช่น
แปลงไปเป็นเลขฐานแปด หรือเลข ฐานสิบหก ก่อนแล้วนำผลที่ได้ ไปแปลงเป็นเลขฐานสิบ
ตัวอย่าง 3.8 จงแปลงเลข 11102 เป็นเลขฐานสิบ
11102
=
(1x23) + (1x22) + (1x21) + (0x20)
=
(1x8) + (1x4) + (1x2) + (0x1)
=
8 +
4 + 2
+ 0
11102 =
1410 หรือ 11102
=
14
วิธีการแปลง 1. เขียนเลขฐานสองที่จะแปลง 1
1 1 0
2. หาค่าประจำหลักโดยเริ่มจากหลักหน่วยในที่นี้คือ 0
จะได้ 13 12 11 00
3. นำเลขแต่ละหลักมาคูณกับค่าของฐาน
คือ 2 ยกกำลัง
ค่าประจำหลักจากข้อ 2 และนำ แต่ละหลักมาบวกกัน (1x23) + (1x22) + (1x21) + (0x20)
4. หาค่าจากการยกกำลัง (1x8) + (1x4) + (1x2) + (0x1) แล้วคูณกับเลขแต่ละหลัก
5. นำแต่ละหลักมาบวกกัน 8
+ 4 + 2 +
0 = 14
3.4.2 การแปลงเลขเลขทศนิยม
ใช้หลักการเดียวกับการแปลงเลขจำนวนเต็มฐานสองไปเป็นฐานสิบ แต่ค่าประจำหลักของแต่ละหลักจะติดลบ
เพราะเป็นจำนวนเลขที่อยู่หลังทศนิยม
ตัวอย่าง 3.9 จงแปลงเลข 0.0112 เป็นเลขฐานสิบ
0.0112 =
(0x20) + (0x2-1) + (1x2-2) + (1x2-3)
=
0 +
0 + (1/4) + (1/8)
=
0 +
0 + 0. 25 + 0.125
0.0112 =
0.37510
วิธีการแปลง 1. เขียนเลขฐานสองที่จะแปลง 0.011
2. หาค่าประจำหลักของเลขทศนิยมโดยเริ่มจากหลักซ้ายสุดที่อยู่ติดกับเลขทศนิยม
0 =
0-1 , 1 = 1-2
, 1 = 1-3 โดยค่าประจำหลักจะลดลงที่ละหนึ่ง
จากซ้ายที่ติดกับจุดทศนิยม ไปทางขวา (หลักการหาค่าจะตรงกันข้ามจำนวนเต็ม)
3. นำเลขแต่ละหลักมาคูณกับค่าของฐาน
คือ 2 ยกกำลัง ค่าประจำหลักจากข้อ 2 และนำแต่ละหลักมาบวกกัน
(0x2-1) + (1x2-2) + (1x2-3)
4. หาค่าจากการยกกำลัง (0 x 1/2) + (0
x 1/4) + (1x 1/8) แล้วคูณกับเลขในแต่ละหลัก
5. นำแต่ละหลักมาบวกกัน
0 + 0.25 + 0.125 = 0.375
ข้อสังเกต จะต้องนำตัวเลขแต่ละหลักที่ต้องการแปลง
มาทำการคูณกับเลข 2 ยกกำลังค่าประจำหลักของแต่ละหลัก
(เพราะแปลงฐานสองไปเป็นฐานสิบ จะต้องคูณกับ 2 เท่านั้น)
สรุป วิธีการแปลงฐานสองให้เป็นเลขฐานสิบได้ดังนี้
วิธีที่ 1
1. เขียนเลขฐานสองที่ต้องการจะแปลง
2. เขียนค่าประจำหลักแสดงไว้โดยใช้ฐาน 2 ยกกำลัง โดยเริ่มจากขวา เป็นค่ายกกำลัง 20 21 22 23 24 ไปเรื่อยๆ จนหมดเลขที่จะนำมาแปลง ในกรณีที่เป็นทศนิยม
จะเริ่มจากซ้าย เป็นค่ายกกำลัง 2-1 2-2 2-3 2-4 ไปเรื่อยๆ จนหมดเลขที่จะนำมาแปลง
3. เลขฐานสองที่อยู่ในหลักใดเป็นศูนย์ ให้ตัดออกไม่ต้องนำมาคำนวณ
ให้นำเลขฐานสองที่มีค่าประจำหลักเป็นหนึ่งเท่านั้นจึงนำมาหาค่า
4. นำผลที่ได้จากการเอา 2 ยกกำลังค่าประจำหลัก
ของแต่ละหลัก จากข้อ
มาบวกกันทุกหลักจะได้ผลลัพธ์นั่นคือค่าของเลขฐานสิบที่มีค่าตรงกับค่าของเลขฐานสองนั้นๆ
วิธีที่ 2
1. เขียนเลขฐานสองที่ต้องการนำมาแปลง
2. เขียนค่าประจำหลักโดยใช้สูตร 2 ยกกำลังเพิ่มขึ้นทีละ 1 เช่น ถ้ามีเลขที่ต้องการแปลง 4 ตัวจะได้สูตร 8
4 2 1 ตั้งให้ตรงหลักโดยของเลขฐานสองนั้น
3. ให้นำค่าประจำหลักในข้อ 2 มารวมกัน
โดยพิจารณาเฉพาะค่าที่ตรงกับหลักเลขฐานสอง ที่เป็น 1 ถ้าตรงกับเลขฐานสองที่มีค่าเป็น 0 (ศูนย์)
ไม่ต้องพิจารณา
ตัวอย่าง 3.10 จงแปลง 11102 เป็นเลขฐานสิบ
วิธีที่ 1 11102
=
(1x23)+ (1x22)+ (1x21)+ (0x20)
=
8 +
4 +
2 + 0
=
(14)10
วิธีที่ 2 11102
= 1
1
1
0
8
4
2
1
=
8 +
4 +
2 + 0
=
(14)10
ตัวอย่าง 3.11 จงแปลง 100011012 เป็นเลขฐานสิบ
วิธีที่ 1 100011012 =
(1x27)+ (0x26)+ (0x25)+ (0x24)+ (1x23)+ (1x22)+ (0x21)+ (1x20)
= (1x27)+ (1x23)+ (1x22)+ (1x20)
=
128 +
8 +
4 + 1
=
(141)10
วิธีที่ 2 100011012 = 1
0
0
0
1
1
0
1
128
64 32
16
8
4
2
1
=
128 + 0 + 0 +
0 +
8 +
4 +
0 + 1
=
(141)10
3.5 การแปลงเลขฐานสองเป็นเลขฐานแปด
ในการแปลงเลขฐานสองเป็นเลขฐานแปดนั้นมีการดำเนินการหลายวิธี ในกรณีนี้เลือกมาให้ศึกษาในกรณีที่คิดว่าง่ายที่สุด
โดยการแบ่งกลุ่มเลขฐานสองออกเป็นชุด ชุดละ 3 บิต(ตัว) ของเลขฐานสองที่ต้องการจะแปลง
3.5.1 การแปลงเลขจำนวนเต็มฐานสองเป็นฐานแปด
วิธีการแปลง
1. เขียนตัวเลขฐานสองที่ต้องการจะแปลงเป็นเลขฐานแปด
2. แบ่งช่วงเลขจากด้านขวา
(จากหลักหน่วย) มาเป็นชุดตัวเลข โดยแบ่งชุดละ 3 ตัว
(3 บิต) เพราะได้จาก 23 = 2 คูณกัน 3 ครั้ง ( 2x2x2 ) = 8 จึงเรียกว่าเลขฐานแปด ถ้าชุดตัวเลขไม่ครบ 3 ตัว ให้เติม 0 ลงไปด้านซ้ายมือให้ครบ 3 ตัว เช่น
2.1 1001102
= 100 110 แสดงว่าได้เลข 2 ชุด
2.2 1100011101 = 001 100 011 101 แสดงว่าได้เลข 4 ชุด
เติม 0 ทางซ้ายมือ เพื่อให้ครบ 3 ตัว (3 บิต)
3. เขียนเลขประจำหลักแต่ละหลักแต่ละหลัก เริ่มจากหลักหน่วย ดังนี้ 4
2 1 เพราะ 4+2+1 = 7 เป็นตัวเลขสูงสุดของฐานแปด ได้จาก 22 = 4 , 21 = 2
, 20 = 1 ซึ่งเราเรียกว่าค่าประจำหลัก
4. หลังจากแบ่งชุดตัวเลขฐานสองในข้อ 2
เสร็จแล้ว
ให้พิจารณาว่าถ้าเลขฐานสองตำแหน่งใด
เป็น 0 ให้ตัดทิ้ง ไม่ต้องนำมารวม ถ้าเลขหลักใดเป็น 1 ให้นำค่าประจำหลักมารวมกันในชุดตัวเลขชุดนั้น แล้วนำค่าตัวเลขของแต่ละชุดมาเขียนเรียงกัน
3.5.2 การแปลงทศนิยมฐานสองเป็นฐานแปด
วิธีการแปลง
หลักการแปลง ทำเหมือนกันกับการแปลงจำนวนเต็มฐานสองเป็นฐานแปด
แต่การแบ่งชุดของตัวเลขชุดละ 3 ตัวให้เริ่มนับจากตัวเลขถัดจากจุดทศนิยม (ด้านซ้ายมือสุดติดจับจุดทศนิยม)
โดยใช้ 4 2 1 เหมือนกัน
และถ้าชุดใดมีตัวเลขไม่ครบ 3 ตัว ก็ให้เติม 0 ด้านขวามือสุดให้ครบ 3 (การเติม 0 จะเติมตรงกันข้ามกับกรณีจำนวนเต็ม)
ตัวอย่าง 3.12 จงแปลง 10011.11012 เป็นเลขฐานแปด
ข้อสังเกต 1. ถ้าจำนวนเต็มให้แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 ตัว จากขวาไปซ้าย ตามลูกศรในตัวอย่าง 3.17
วิธีการแปลงที่ 1 โดยการลบ
1. เอา 2n โดยให้มีค่าใกล้เคียงหรือเท่ากับเลขฐานสิบที่ต้องการจะแปลงโดยค่ายกกำลังลดลงทีละ 1
2. เอาค่าที่ยกกำลังที่ได้จากขั้นที่ 1 มาลบออกจากเลขฐานสิบนั้นถ้าลบได้ใส่ 1 ถ้าลบไม่ได้ใส่ 0 เริ่มจาก ซ้ายมือ
3. ทำไปเรื่อยๆ จนหมด
แล้วนำเลขที่ลบได้หรือไม่ได้มาวางเรียงโดยเริ่มจากซ้ายมือ
ตัวอย่าง 3.1 แปลงเลขฐานสิบ 29 ไปเป็นเลขฐานสอง
วิธีการแปลงที่ 1 โดยการหาร
1. เอาเลขฐานสิบที่ต้องการแปลงตั้งหารด้วยสอง
2. สนใจเศษ ถ้าหารลงตัว ให้เศษเป็น 0 ถ้าหารไม่ลงตัว
ให้เศษเป็น 1
3. หารไปเรื่อยๆ จนกว่าตัวตั้งจะมีค่าน้อยกว่าตัวหาร
4. การตอบ จะเรียงข้อมูลจากล่างขึ้นบน โดยตัวบนจะเป็นหลักหน่วยเสมอ
ตัวถัดไปจะนำมาจัดเรียงเป็นหลักสิบ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
ตัวอย่าง 3.2 แปลงเลขฐานสิบ 29 ไปเป็นเลขฐานสอง
3.1.2 การแปลงเลขทศนิยมฐานสิบเป็นเลขฐานสอง
กรณีเลขฐานสิบเป็นทศนิยม เราก็สามารถทำได้โดยการคูณเลขทศนิยมด้วย 2 ทุกๆ ครั้งที่คูณ
ส่วนที่เป็นจำนวนเต็มในผลคูณ เราจะนำมาเป็นค่าของเลขฐานสอง แล้วนำค่าที่เป็นทศนิยมมาคูณด้วยสองอีก
ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะไม่มีค่าหลังสุด
แต่กรณีเป็นเลขทศนิยมไม่รู้จบก็จะตัดเอาตามจำนวนที่ต้องการ
วิธีการแปลงทศนิยมเลขฐานสิบเป็นฐานสอง
1. เขียนตัวเลขที่จะแปลง
2.นำตัวเลขนั้นมาคูณกับ 2 ผลลัพธ์ที่ได้ ให้สนใจเฉพาะเลขจำนวนเต็ม ซึ่งอาจจะเป็น 0 หรือ 1 ก็ได้ ส่วนชุดตัวเลขหลังจุดทศนิยมทางขวามือ ให้นำมาเริ่มทำเหมือน ข้อ 2 ใหม่
3. ให้ดำเนินการไปเรื่อยๆ จนกว่าเลขทศนิยมจะเป็น 0 เป็นตัวเลขวนซ้ำ หรือเป็นทศนิยมไม่รู้จบให้หยุดทำงาน
ข้อสังเกต
1. เลขฐานสิบ ที่ต้องการแปลงเป็นฐานสอง จะนำมาคูณ หรือ หารกับ เลข 2 เท้านั้น เนื่องจาก แปลงจากฐานสิบ ไปเป็น ฐานสอง
2. วิธีการตอบ กรณีเป็นจำนวนเต็ม จะเขียนคำตอบจากล่างขึ้นบน
กรณีเป็นทศนิยม จะเขียนคำตอบจากบนลงล่าง
3.2 การแปลงเลขฐานสิบเป็นฐานแปด
วิธีการทำใช้หลักการเดียวกับการแปลงเลขฐานสิบเป็นฐานสอง
ให้คูณหรือหารด้วยเลขฐาน โดยมี 2 กรณี
1.2.1 การแปลงเลขจำนวนเต็ม ต้องหารด้วยฐาน คือ 8
ตัวอย่าง 3.4 จงแปลง 356 ฐานสิบ เป็นเลขฐานแปด
8) 356
=
8 x 44 = 352 นำ 356 – 352 จะได้เศษ = 4
8) 44
=
8 x 5 = 40 นำ 44 – 40 จะได้เศษ = 4
5 ตอบได้เพราะตัวตั้ง (5) มีค่าน้อยกว่าตัวหาร (8)
ดังนั้น (356)10
= (544)8
1.2.2 การแปลงทศนิยม
ต้องคูณด้วยฐาน คือ 8
ตัวอย่าง 3.5 จงแปลง 0.72 ฐานสิบ เป็นเลขฐานแปด
.72 x 8 =
5.76 เหลือ .76 ใส่ 5
.76 x 8 = 6.08 เหลือ .08 ใส่ 6
.08 x 8 = 0.64 เหลือ .64 ใส่ 0
.64 x 8 = 5.12 เหลือ .12 ใส่ 5
.12 x 8 = 0.96 เหลือ .96 ใส่ 0
.96 x 8 = 7.68 เหลือ .68 ใส่ 7
.68 x 8 = 5.44 เหลือ .44 ใส่ 5
.44 x 8 = 3.52 เหลือ .52 ใส่ 3
ตอบ (0.72)10 = (0.56050753)2
(0.72)10 = (0.56)2
3.3
การแปลงเลขฐานสิบเป็นฐานสิบหก
วิธีการทำใช้หลักการเดียวกับการแปลงเลขฐานสิบเป็นฐานแปด
ให้คูณหรือหารด้วยเลขฐาน โดยมี 2 กรณี
1.2.1 การแปลงเลขจำนวนเต็ม ต้องหารด้วยฐาน คือ 16
ตัวอย่าง 3.6 จงแปลง 2531 ฐานสิบ เป็นเลขฐานสิบหก
16) 2531
=
16 x 157 = 2528 นำ 2531
– 2528 จะได้เศษ = 3
16) 158
=
16 x 9 = 144 นำ 158 – 144 จะได้เศษ =
14 --> E
9 ตอบได้เพราะตัวตั้ง (9) มีค่าน้อยกว่าตัวหาร (16)
ดังนั้น (2531)10
= (9E3)16
1.2.2 การแปลงทศนิยม ต้องคูณด้วยฐาน คือ16
ตัวอย่าง 3.7 จงแปลง 0.85 ฐานสิบ เป็นเลขฐานสิบหก
.85 x 16 = 13 .60 เหลือ .60 ใส่ 13
.60 x 16 = 9 .60 เหลือ .60 ใส่ 9
ดังนั้นจะได้ = . 13 9
= . D9 ( 13 = D ในเลขฐานสิบหก)
ตอบ (0.85)10 = (0.D9)16
ข้อสังเกต เลขฐานสิบหก จะใส่สัญลักษณ์ที่เป็นภาษาอังกฤษ
แทนตัวเลขตั้งแต่ 10 ถึง 15
เช่น จากตัวอย่างที่ 3.7 ใส่ E แทน 14 เวลาตอบ
ต้องตอบเป็น 5E16
(ห้าอีฐานสิบหก)
ไม่ใช่ตอบ 51416 (ห้าสิบสี่ฐานสิบหก)
3.4 การแปลงเลขฐานสองเป็นฐานสิบ
3.4.1 การแปลงเลขจำนวนเต็ม
เราสามารถทำการแปลงจากเลขฐานสอง ไปเป็นเลขฐานอื่นๆ ที่เราถนัดก่อน เช่น
แปลงไปเป็นเลขฐานแปด หรือเลข ฐานสิบหก ก่อนแล้วนำผลที่ได้ ไปแปลงเป็นเลขฐานสิบ
ตัวอย่าง 3.8 จงแปลงเลข 11102 เป็นเลขฐานสิบ
11102
=
(1x23) + (1x22) + (1x21) + (0x20)
=
(1x8) + (1x4) + (1x2) + (0x1)
=
8 +
4 + 2
+ 0
11102 =
1410 หรือ 11102
=
14
วิธีการแปลง 1. เขียนเลขฐานสองที่จะแปลง 1
1 1 0
2. หาค่าประจำหลักโดยเริ่มจากหลักหน่วยในที่นี้คือ 0
จะได้ 13 12 11 00
3. นำเลขแต่ละหลักมาคูณกับค่าของฐาน
คือ 2 ยกกำลัง
ค่าประจำหลักจากข้อ 2 และนำ แต่ละหลักมาบวกกัน (1x23) + (1x22) + (1x21) + (0x20)
4. หาค่าจากการยกกำลัง (1x8) + (1x4) + (1x2) + (0x1) แล้วคูณกับเลขแต่ละหลัก
5. นำแต่ละหลักมาบวกกัน 8
+ 4 + 2 +
0 = 14
3.4.2 การแปลงเลขเลขทศนิยม
ใช้หลักการเดียวกับการแปลงเลขจำนวนเต็มฐานสองไปเป็นฐานสิบ แต่ค่าประจำหลักของแต่ละหลักจะติดลบ
เพราะเป็นจำนวนเลขที่อยู่หลังทศนิยม
ตัวอย่าง 3.9 จงแปลงเลข 0.0112 เป็นเลขฐานสิบ
0.0112 =
(0x20) + (0x2-1) + (1x2-2) + (1x2-3)
=
0 +
0 + (1/4) + (1/8)
=
0 +
0 + 0. 25 + 0.125
0.0112 =
0.37510
วิธีการแปลง 1. เขียนเลขฐานสองที่จะแปลง 0.011
2. หาค่าประจำหลักของเลขทศนิยมโดยเริ่มจากหลักซ้ายสุดที่อยู่ติดกับเลขทศนิยม
0 =
0-1 , 1 = 1-2
, 1 = 1-3 โดยค่าประจำหลักจะลดลงที่ละหนึ่ง
จากซ้ายที่ติดกับจุดทศนิยม ไปทางขวา (หลักการหาค่าจะตรงกันข้ามจำนวนเต็ม)
3. นำเลขแต่ละหลักมาคูณกับค่าของฐาน
คือ 2 ยกกำลัง ค่าประจำหลักจากข้อ 2 และนำแต่ละหลักมาบวกกัน
(0x2-1) + (1x2-2) + (1x2-3)
4. หาค่าจากการยกกำลัง (0 x 1/2) + (0
x 1/4) + (1x 1/8) แล้วคูณกับเลขในแต่ละหลัก
5. นำแต่ละหลักมาบวกกัน
0 + 0.25 + 0.125 = 0.375
ข้อสังเกต จะต้องนำตัวเลขแต่ละหลักที่ต้องการแปลง
มาทำการคูณกับเลข 2 ยกกำลังค่าประจำหลักของแต่ละหลัก
(เพราะแปลงฐานสองไปเป็นฐานสิบ จะต้องคูณกับ 2 เท่านั้น)
สรุป วิธีการแปลงฐานสองให้เป็นเลขฐานสิบได้ดังนี้
วิธีที่ 1
1. เขียนเลขฐานสองที่ต้องการจะแปลง
2. เขียนค่าประจำหลักแสดงไว้โดยใช้ฐาน 2 ยกกำลัง โดยเริ่มจากขวา เป็นค่ายกกำลัง 20 21 22 23 24 ไปเรื่อยๆ จนหมดเลขที่จะนำมาแปลง ในกรณีที่เป็นทศนิยม
จะเริ่มจากซ้าย เป็นค่ายกกำลัง 2-1 2-2 2-3 2-4 ไปเรื่อยๆ จนหมดเลขที่จะนำมาแปลง
3. เลขฐานสองที่อยู่ในหลักใดเป็นศูนย์ ให้ตัดออกไม่ต้องนำมาคำนวณ
ให้นำเลขฐานสองที่มีค่าประจำหลักเป็นหนึ่งเท่านั้นจึงนำมาหาค่า
4. นำผลที่ได้จากการเอา 2 ยกกำลังค่าประจำหลัก
ของแต่ละหลัก จากข้อ
มาบวกกันทุกหลักจะได้ผลลัพธ์นั่นคือค่าของเลขฐานสิบที่มีค่าตรงกับค่าของเลขฐานสองนั้นๆ
วิธีที่ 2
1. เขียนเลขฐานสองที่ต้องการนำมาแปลง
2. เขียนค่าประจำหลักโดยใช้สูตร 2 ยกกำลังเพิ่มขึ้นทีละ 1 เช่น ถ้ามีเลขที่ต้องการแปลง 4 ตัวจะได้สูตร 8
4 2 1 ตั้งให้ตรงหลักโดยของเลขฐานสองนั้น
3. ให้นำค่าประจำหลักในข้อ 2 มารวมกัน
โดยพิจารณาเฉพาะค่าที่ตรงกับหลักเลขฐานสอง ที่เป็น 1 ถ้าตรงกับเลขฐานสองที่มีค่าเป็น 0 (ศูนย์)
ไม่ต้องพิจารณา
ตัวอย่าง 3.10 จงแปลง 11102 เป็นเลขฐานสิบ
วิธีที่ 1 11102
=
(1x23)+ (1x22)+ (1x21)+ (0x20)
=
8 +
4 +
2 + 0
=
(14)10
วิธีที่ 2 11102
= 1
1
1
0
8
4
2
1
=
8 +
4 +
2 + 0
=
(14)10
ตัวอย่าง 3.11 จงแปลง 100011012 เป็นเลขฐานสิบ
วิธีที่ 1 100011012 =
(1x27)+ (0x26)+ (0x25)+ (0x24)+ (1x23)+ (1x22)+ (0x21)+ (1x20)
= (1x27)+ (1x23)+ (1x22)+ (1x20)
=
128 +
8 +
4 + 1
=
(141)10
วิธีที่ 2 100011012 = 1
0
0
0
1
1
0
1
128
64 32
16
8
4
2
1
=
128 + 0 + 0 +
0 +
8 +
4 +
0 + 1
=
(141)10
3.5 การแปลงเลขฐานสองเป็นเลขฐานแปด
ในการแปลงเลขฐานสองเป็นเลขฐานแปดนั้นมีการดำเนินการหลายวิธี ในกรณีนี้เลือกมาให้ศึกษาในกรณีที่คิดว่าง่ายที่สุด
โดยการแบ่งกลุ่มเลขฐานสองออกเป็นชุด ชุดละ 3 บิต(ตัว) ของเลขฐานสองที่ต้องการจะแปลง
3.5.1 การแปลงเลขจำนวนเต็มฐานสองเป็นฐานแปด
วิธีการแปลง
1. เขียนตัวเลขฐานสองที่ต้องการจะแปลงเป็นเลขฐานแปด
2. แบ่งช่วงเลขจากด้านขวา
(จากหลักหน่วย) มาเป็นชุดตัวเลข โดยแบ่งชุดละ 3 ตัว
(3 บิต) เพราะได้จาก 23 = 2 คูณกัน 3 ครั้ง ( 2x2x2 ) = 8 จึงเรียกว่าเลขฐานแปด ถ้าชุดตัวเลขไม่ครบ 3 ตัว ให้เติม 0 ลงไปด้านซ้ายมือให้ครบ 3 ตัว เช่น
2.1 1001102
= 100 110 แสดงว่าได้เลข 2 ชุด
2.2 1100011101 = 001 100 011 101 แสดงว่าได้เลข 4 ชุด
เติม 0 ทางซ้ายมือ เพื่อให้ครบ 3 ตัว (3 บิต)
3. เขียนเลขประจำหลักแต่ละหลักแต่ละหลัก เริ่มจากหลักหน่วย ดังนี้ 4
2 1 เพราะ 4+2+1 = 7 เป็นตัวเลขสูงสุดของฐานแปด ได้จาก 22 = 4 , 21 = 2
, 20 = 1 ซึ่งเราเรียกว่าค่าประจำหลัก
4. หลังจากแบ่งชุดตัวเลขฐานสองในข้อ 2
เสร็จแล้ว
ให้พิจารณาว่าถ้าเลขฐานสองตำแหน่งใด
เป็น 0 ให้ตัดทิ้ง ไม่ต้องนำมารวม ถ้าเลขหลักใดเป็น 1 ให้นำค่าประจำหลักมารวมกันในชุดตัวเลขชุดนั้น แล้วนำค่าตัวเลขของแต่ละชุดมาเขียนเรียงกัน
3.5.2 การแปลงทศนิยมฐานสองเป็นฐานแปด
วิธีการแปลง
หลักการแปลง ทำเหมือนกันกับการแปลงจำนวนเต็มฐานสองเป็นฐานแปด
แต่การแบ่งชุดของตัวเลขชุดละ 3 ตัวให้เริ่มนับจากตัวเลขถัดจากจุดทศนิยม (ด้านซ้ายมือสุดติดจับจุดทศนิยม)
โดยใช้ 4 2 1 เหมือนกัน
และถ้าชุดใดมีตัวเลขไม่ครบ 3 ตัว ก็ให้เติม 0 ด้านขวามือสุดให้ครบ 3 (การเติม 0 จะเติมตรงกันข้ามกับกรณีจำนวนเต็ม)
ตัวอย่าง 3.12 จงแปลง 10011.11012 เป็นเลขฐานแปด
ข้อสังเกต 1. ถ้าจำนวนเต็มให้แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3 ตัว จากขวาไปซ้าย ตามลูกศรในตัวอย่าง 3.17
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น