บทนิยาม ให้ และ k
เป็นจำนวนจริงใด ๆ จะได้ว่า
สรุปบลักษณะการคูณจำนวนจริงกับเมทริกซ์
ให้ a , b เป็นจำนวนจริง และ A , B เป็นเมทริกซ์ที่มีมิติ 
1. aA = Aa
2. (ab)A = a(bA) = b(aA)
3. a(A + B) = aA + aB
4. (a +b)A = aA + aB
เมตริกซ์
เป็นคำที่ยากที่จะนิยามความหมายให้ชัดเจน
แต่เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าเมตริกซ์มี ลักษณะเป็นชุดข้อมูลที่มีการเรียงกันเป็นแนวแถว
(Row) และแนวหลัก (Column) ดังตัวอย่าง เมตริกซ์ A, B และ Cดังนี้ A = 5 6 7 2 3 4 , B = 3 4 1 2 ,
C = [1 5 6] โดยทั่วไปแล้วจะใช้ตัวพิมพ์ใหญ่
(A, B, C,…) แทนเมตริกซ์ส่วนสมาชิกของเมตริกซ์จะใช้ แทนด้วยตัวพิมพ์เล็กพร้อมทั้งระบุตำแหน่งของสมาชิกว่าอยู่ต
าแหน่งใดของเมตริกซ์ตัวอย่างเช่น a12 จะแทนสมาชิกในแถวที่ 1 หลักที่ 2 ของ
เมตริกซ์ A และ b22 จะแทน สมาชิก ในแถวที่ 2 หลักที่ 2 ของเมตริกซ์ B เป็นต้น
ในคณิตศาสตร์ เมทริกซ์ หรือ เมตริกซ์ (อังกฤษ: matrix)
คือตารางสี่เหลี่ยมที่แต่ละช่องบรรจุจำนวนหรือโครงสร้างทางคณิตศาสตร์ที่สามารถนำมาบวกและคูณกับตัวเลขได้ เราสามารถใช้เมทริกซ์แทนระบบสมการเชิงเส้น การแปลงเชิงเส้น และใช้เก็บข้อมูลที่ขึ้นกับตัวแปรต้นสองตัว
เราสามารถบวก คูณ และแยกเมทริกซ์ออกเป็นผลคูณของเมทริกซ์ได้หลายรูปแบบ
เมทริกซ์เป็นแนวความคิดที่มีความสำคัญยิ่งของพีชคณิตเชิงเส้น โดยทฤษฎีเมตริกซ์เป็นสาขาหนึ่งของพีชคณิตเชิงเส้นที่เน้นการศึกษาเมตริกซ์
ชนิดของเมตริกซ์
1. เมทริกซ์จัตุรัส
2. เมทริกซ์เอกลักษณ์
3. เมทริกซ์ศูนย์
4. เมทริกซ์ทแยงมุม
5. เมทริกซ์สเกลาร์
6. เมทริกซ์สลับเปลี่ยน
1.
เมทริกซ์จัตุรัส เป็นเมทริกซ์ที่มีจำนวนแถวและจำนวนสดมภ์เท่ากัน
เช่น
A = เป็นเมทริกซ์จัตุรัสมิติ
2x2 ที่มีจำนวนแถว 2 แถวและจำนวนสดมภ์ 2
สดมภ์
B = เป็นเมทริกซ์จัตุรัสมิติ
3x3 ที่มีจำนวนแถว 3 แถวและจำนวนสดมภ์ 3
สดมภ์
2. เมทริกซ์เอกลักษณ์ เป็นเมทริกซ์จัตุรัสที่สมาชิกในตำแหน่งแถวเท่ากับตำแหน่งสดมภ์จะมีสมาชิกมีค่าเป็น
1 และในทางกลับกันสมาชิก ในตำแหน่งแถวไม่เท่ากับตำแหน่งสดมภ์
จะมีสมาชิกมีค่าเป็น 0
เป็นตัวอย่างของเมทริกซ์เอกลักษณ์มิติ
2x2
เป็นเมทริกซ์เอกลักษณ์มิติ 2x2 ตำแหน่งแถวเท่ากับตำแหน่งสดมภ์
มีสมาชิกในตำแหน่งแถวที่ 1 สดมภ์ที่ 1 และสมาชิกที่อยู่ตำแหน่งแถวที่
2 สดมภ์ที่ 2 มีค่าสมาชิกเป็น 1 ตำแหน่งแถวไม่เท่ากับตำแหน่งสดมภ์
สมาชิกที่อยู่
ในตำแหน่งแถวที่ 1 สดมภ์ที่ 2
และ สมาชิกที่อยู่ในตำแหน่งแถวที่ 2 สดมภ์ที่ 1 มีค่าเป็น 0
แสดงเมทริกซ์เอกลักษณ์มิติ 3x3
B = 
B เป็นเมทริกซ์เอกลักษณ์มิติ
3x3 ที่มีสมาชิกที่อยู่ในตำแหน่งแถวที่
1 สดมภ์ที่ 1, ตำแหน่งแถวที่ 2 สดมภ์ที่ 2 และ ตำแหน่งแถวที่ 3 สดมภ์ที่ 3 เป็น 1 เพราะตำแหน่งแถวเท่ากับตำแหน่งสดมภ์ ที่เหลือของสมาชิกมีค่าเป็น
0 เพราะตำแหน่งแถวไม่เท่ากับตำแหน่งสดมภ์
ดังนั้นสามารถเขียนสมาชิกของเมทริกซ์เอกลักษณ์เป็นรูปทั่วไปได้ดังนี้
aij =
|
|
,
i เท่ากับ j
|
,
i ไม่เท่ากับ j
|
เมื่อ i เป็นตำแหน่งแถว และ j เป็นตำแหน่งสดมภ์
aij
เป็นสมาชิกของตำแหน่งแถวที่ i
และตำแหน่งสดมภ์ที่ j
3. เมทริกซ์ศูนย์ เป็นเมทริกซ์ที่มีสมาชิกทุกตัวเป็นศูนย์
แสดงเมทริกซ์ที่มีสมาชิกเป็นศูนย์ทั้งที่เป็นไม่ใช่เมทริกซ์จัตุรัสและเมทริกซ์จัตุรัส
จะเห็นว่าเมทริกซ์ทางซ้าย ตอนกลาง
เป็นเมทริกซ์ที่ไม่ใช่จัตุรัส แต่ที่สมาชิกเป็นศูนย์ ส่วนเมทริกซ์ขวาสุด เป็นเมทริกซ์จัตุรัส
ที่มีสมาชิกทุกตัวเป็นศูนย์
4.
เมทริกซ์ทแยงมุม เป็นเมทริกซ์จัตุรัสที่มีสมาชิกที่อยู่เหนือและใต้ทแยงมุมเป็นศูนย์
แสดงเมทริกซ์ทแยงมุมที่มีมิติ 2x2,
3x3
ข้อสังเกต สมาชิกที่อยู่ในแนวทแยงมุมมีค่าไม่เท่ากัน
แต่สมาชิกที่อยู่เหนือหรือใต้เส้นทแยงมุมเป็นศูนย์
5. เมทริกซ์สเกลาร์ เป็นเมทริกซ์จัตุรัส ที่มีสมาชิกที่อยู่ในแนวทแยงมุมเท่ากัน
และสมาชิกที่อยู่เหนือ, ใต้ทแยงมุมเป็นศูนย์
แสดงเมทริกซ์สเกลาร์มิติ 2x2, 3x3
จะเห็นว่าสมาชิกในแนวทแยงมีค่าเท่ากันแต่สมาชิกที่อยู่เหนือทแยงมุมและใต้ทแยงมุมเป็นศูนย์
6. เมทริกซ์สลับเปลี่ยน เป็นเมทริกซ์ที่มีสมาชิกที่อยู่ในแนวแถวมาจากสมาชิกในแนวสดมภ์ห
รือสมาชิกที่อแนวสมาชิกที่อยู่ในแนวสดมภ์ เป็นสมาชิกในแนวแถว
ซึ่งมีสัญลักษณ์ เป็น AT หรือ At
ให้ A เป็นเมทริกซ์มิติ
2x2 และ B เป็นเมทริกซ์มิติ 2x3
A =  , B = 
2x2 2x3
การดำเนินการเมทริกซ์
ดีเทอร์มิแนนต์
ในสาขาพีชคณิต ดีเทอร์มิแนนต์ (อังกฤษ: determinant) คือฟังก์ชันหนึ่งที่ให้ผลลัพธ์เป็นปริมาณสเกลาร์ ซึ่งขึ้นอยู่กับค่าของ n
ในมิติ n×n ของเมทริกซ์จัตุรัส A ส่วนความหมายทางเรขาคณิตเบื้องต้น ดีเทอร์มิแนนต์คือตัวประกอบ
มาตราส่วน
(scalefactor) ของปริมาตร เมื่อ A ถูกใช้เป็นการแปลงเชิงเส้น
ดีเทอร์มิแนนต์ถูกใช้ประโยชน์ในเรื่องพีชคณิตเชิงหลายเส้น (multilinearalgebra) และแคลคูลัส ซึ่งใช้สำหรับกฎการแทนที่ (substitutionrule)
ในตัวแปรบางกลุ่มสำหรับจำนวนเต็มบวก
n ที่กำหนดขึ้น
ฟังก์ชันดีเทอร์มิแนนต์จะมีเพียงหนึ่งเดียวบนเมทริกซ์มิติ n×n เหนือริงสลับที่ใดๆ (commutative ring)
โดยเฉพาะเมื่อฟังก์ชันนี้นิยามไว้บนริงสลับที่ที่เป็นฟีลด์ของ
จำนวนจริง
หรือจำนวนเชิงซ้อน
อินเวอร์สการคูณเมทริกซ์ (Matrix Inverse)
ให้ A เป็นเมทริกซ์มิติ n×n ถ้า B เป็นเมทริกซ์มิติ n×n และมีสมบัติว่า
AB=BA=In
เมื่อ In เป็นเมทริกซ์เอกลักษณ์แล้วเราเรียก B ว่าเป็นเมทริกซ์อินเวอร์สของ A และเขียน B แทนด้วย A−1
อินเวอร์สของเมทริกซ์ขนาด 2×2
ให้ A=[acbd] และ detA=ad−cb≠0 แล้ว
A−1=1ad−cb[d−c−ba]
ตัวอย่างการหาอินเวอร์สของเมทริกซ์ขนาด 2×2
ให้ A=[1324]
เนื่องจาก detA=1⋅4−2⋅3=−2≠0 ดังนั้น A−1 หาค่าได้คือ
A−1==1−2[4−3−21][−2321−12]
การแก้ระบบสมการเชิงเส้นโดยใช้เมตริกซ์
การแก้ระบบสมการเชิงเส้นโดยวิธีนี้จะใช้ได้สะดวกที่สุดเมื่อระบบสมการเชิงเส้นมี 2 ตัวแปรแต่เมื่อระบบสมการเชิงเส้นของเรามีตัวแปรมากกว่า 3ตัวแปร ในบางครั้งการแก้ระบบสมการโดยวิธีนี้ค่อนข้างจะยุ่งยากจึงไม่เป็นที่นิยม
การแก้ระบบสมการเชิงเส้น 2 ตัวแปรโดยการกำจัดตัวแปรให้ระบบสมการ
x−2y2x+1y==3⋯(1)1⋯(2)
นำ 2×(2)
จะได้ 4x+2y=2⋯(3)
นำสมการ (1)+(3)
จะได้ 5x=5
ดังนั้นเราได้ x=1
เมื่อนำค่า x=1 ไปแทนในสมการ (1) จะได้ y=−1
ดังนั้น x=1,y=−1
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น